ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Pelvic Inflammatory Disease : PID คือ การติดเชื้อที่ระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิง เช่น มดลูก รังไข่ ท่อนำไข่ เยื่อบุช่องท้องในอุ้งเชิงกราน ซึ่งมีสาเหตุหลากหลายปัจจัยด้วยกัน แต่มักจะมาจากการมีเซ็กส์ที่ไม่ปลอดภัยเป็นส่วนใหญ่ เช่น โรคหนองในแท้ หรือหนองในเทียมที่บริเวณช่องคลอดและปากมดลูก และหากไม่ได้รับการรักษาจะก่อให้เกิดโรคลุกลามไปยังระบบอื่นๆ บริเวณอวัยวะเพศได้ จากสถิติจะพบในผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 18-25 ปีขึ้นไป
อุ้งเชิงกราน คืออะไร
อุ้งเชิงกราน คือส่วนบริเวณช่องท้องของร่างกายที่สามารถแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่อยู่เหนือกระดูกเชิงกรานขึ้นไป และส่วนที่อยู่ต่ำกว่ากระดูกเชิงกรานลงมา ส่วนที่อยู่ต่ำกว่านั้นเราเรียกว่า “อุ้งเชิงกราน” ถ้ามองจากภายนอกก็จะเป็นบริเวณท้องน้อยนั่นเอง
สาเหตุที่ทำให้เกิด ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ
- เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย
- หนองในแท้ (Neisseria Gonorrhoeae) ประมาณ 15-20%
- หนองในเทียม (Chlamydia Trachomatis) ประมาณ 25-35%
- ไมโครพลาสมา (Mycoplasma genitalium) ประมาณ 5-10%
- ซึ่งเชื้อจะเข้าจากช่องคลอด ผ่านปากมดลูก ขึ้นไปในมดลูก ท่อนำไข่ และรังไข่ ก่อนที่จะค่อยๆ กระจายไปติดเชื้ออวัยวะอื่นๆ ในอุ้งเชิงกราน
- มีการใส่ห่วงอนามัย อุปกรณ์คุมกำเนิด หรือการใส่เครื่องมือแพทย์บางอย่าง
- มีประวัติการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มาก่อน หรือมีคู่นอนที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- มีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือมีเพศสัมพันธ์กับคนหลายคนโดยไม่สวมถุงยางอนามัย
- ผู้หญิงที่ทำการสวนล้างช่องคลอดบ่อยๆ นั้นทำให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างเชื้อแบคทีเรียชนิดที่ดีและชนิดที่เป็นอันตรายในบริเวณช่องคลอด
อาการของ ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ
อาการของภาวะนี้อาจจะยังไม่มีแสดงให้เห็นในช่วงแรกที่ติดเชื้อแล้ว แต่ถ้าหากมีการลุกลามของเชื้อแบคทีเรียเพิ่มมากขึ้น ก็อาจมีอาการ ดังต่อไปนี้
- ปวดแสบขณะปัสสาวะ หรือปัสสาวะขัด
- คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง
- มีตกขาวผิดปกติ มีหนอง หรือมีกลิ่นเหม็น
- ปวดศีรษะ มีไข้ หนาวสั่น ไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว
- รู้สึกเวลามีเพศสัมพันธ์ หรือมีเลือดออกทั้งที่ไม่ได้มีประจำเดือน
- รู้สึกปวดบริเวณท้องน้อย ด้านขวา หรือทั้งสองข้าง โดยอาจปวดเป็นระยะแล้วก็หายไป หรือปวดต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน
การตรวจวินิจฉัย ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ
เมื่อคุณไปพบแพทย์เฉพาะทาง นอกจากการซักประวัติเบื้องต้นแล้ว แพทย์อาจเลือกใช้หลายวิธีในการตรวจประกอบกัน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบจริงๆ ได้แก่
- การตรวจร่างกาย
- การตรวจภายใน
- การตรวจในห้องปฏิบัติการ
- การตรวจอัลตราซาวน์
- การผ่าตัดส่องกล้องทางหน้าท้อง
- การสุ่มตัดชิ้นเนื้อจากโพรงมดลูก
ขั้นตอนการรักษาภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ
หากผู้ป่วยที่มีภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบยังมีอาการที่ไม่รุนแรง แพทย์จะใช้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ชนิดรับประทาน แต่หากยาชนิดทานไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร แพทย์จะพิจารณาใช้การรักษาแบบอื่นที่เหมาะสมกับความรุนแรงของโรคต่อไป เช่น การปรับรูปแบบยาที่ทาน การฉีดยาฆ่าเชื้อ เป็นต้น แต่หากไม่รีบทำการรักษาอาจเกิดโรคแทรกซ้อนได้ ระหว่างที่มีอาการอุ้งเชิงกรานอักเสบอยู่ ได้แก่
- ทำให้มีบุตรยากหรือเป็นหมัน หรือมีโอกาสเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก
- มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังเป็นระยะเวลายาวนานและทรมาน ใช้ชีวิตประจำวันลำบาก
- เกิดพังผืดในอุ้งเชิงกราน อาจมีฝีหนองคั่งเป็นก้อน บริเวณปีกมดลูกและอวัยวะอื่นๆ ในอุ้งเชิงกราน มีโอกาสที่ฝีจะแตกได้
การดูแลตัวเองในระหว่างทำการรักษาภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ
การปฏิบัติตัวในระหว่างที่ยังรักษาโรคนี้อยู่ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณหายขาดจากภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบได้เร็วยิ่งขึ้น ด้วยการ :
- งดมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด จนกว่ากระบวนการรักษาจะเสร็จสิ้น
- ควรมีการตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ร่วมด้วย
- ชวนคู่นอนของคุณมาตรวจและรักษาไปพร้อมกัน เพราะอาจมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้เช่นกัน
วิธีป้องกันภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ
ส่วนใหญ่แล้ว ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ มักเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เราจึงควรใส่ใจในเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพื่อที่จะได้สามารถป้องกันตัวเองได้ ดังต่อไปนี้
- สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง เมื่อมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่ากับใครก็ตาม
- เลือกใช้วิธีคุมกำเนิดด้วยการทานยาเม็ด หรือยาฉีด แทนการใช้ห่วงคุมกำเนิด
- ไม่ทำการสวนล้างช่องคลอด เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบ และสมดุลของธรรมชาติเปลี่ยน
- ไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ หรือมีคู่นอนประจำที่รู้จักกันดีว่าไม่มีประวัติความเสี่ยงโรคจากที่ใด
- หากสังเกตพบความผิดปกติของอวัยวะเพศ ให้รีบปรึกษาแพทย์ และไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง
- หมั่นไปพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจโรคเป็นประจำ หรือเมื่อมีความเสี่ยง และสงสัยว่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพราะการเริ่มรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันการเกิดภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบได้
อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจที่นี่
แม้ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ จะเป็นเพียงการติดเชื้อชนิดหนึ่ง ที่อาจเกิดขึ้นได้ถ้าคุณมีความเสี่ยง และสามารถรักษาได้ ด้วยยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาการอยู่ในระดับเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ไม่ควรประมาท และปล่อยทิ้งไว้นาน ไม่ไปปรึกษาแพทย์ เพราะอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวได้ในอนาคต และทำให้กระบวนการรักษาเกิดความยุ่งยากได้ครับ