
ในยุคปัจจุบันที่สุขภาพทางเพศได้รับความสนใจมากขึ้น การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะ HIV (Human Immunodeficiency Virus) เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสนใจ หนึ่งในมาตรการที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ HIV ได้ คือ PEP หรือ Post-Exposure Prophylaxis หลายคนอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับ PEP แต่ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ใช้งานอย่างไร และเหมาะกับใครบ้าง ในบทความนี้ เราจะอธิบายทุกแง่มุมของPEP ตั้งแต่ความหมาย กลไกการทำงาน วิธีการใช้ ไปจนถึงความแตกต่างระหว่าง PEP และ PrEP รวมถึงแหล่งที่สามารถขอรับยาได้ เพื่อให้คุณมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับมาตรการป้องกันที่สำคัญนี้
PEP คือ อะไร?
เป๊ป PEP (Post-Exposure Prophylaxis) คือ การใช้ยา ต้านไวรัส เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ HIV หลัง จากมีความเสี่ยง เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การสัมผัสเลือดหรือของเหลวในร่างกายที่อาจมีเชื้อ หรือถูกเข็มที่ปนเปื้อนเชื้อ HIV ทิ่มตำ ต้องรับประทานภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากมีความเสี่ยง และ ต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 28 วัน และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
ยาPEP ป้องกันเอชไอวีได้มากแค่ไหน ?

ยาPEP ใช้หลังจากที่มีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อ HIV ซึ่งจำเป็นต้องเริ่มรับยาภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากเกิดเหตุการณ์เสี่ยง และต้องรับยาต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 28 วัน ห้ามหยุดยาเองเด็ดขาด นอกจากนี้ยังต้องได้รับการติดตามผลจากแพทย์หลังจากครบกำหนดการรับยาเพื่อประเมินการตอบสนองต่อการรักษาและสุขภาพโดยรวม โดย PEP ไม่ใช่วิธีป้องกันล่วงหน้า แต่หากรับยาเร็วและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด จะสามารถลดโอกาสการติดเชื้อได้ถึง 80-90%
PEP ทำงานอย่างไร?
PEP ทำงานโดยใช้หลักการเดียวกับยาต้านไวรัส HIV ที่ใช้ในการรักษาผู้ติดเชื้อ HIV แต่จะใช้ในกรณีที่ต้องการป้องกันการติดเชื้อก่อนที่ไวรัสจะมีโอกาสตั้งหลักและแพร่กระจายในร่างกาย เมื่อเริ่มรับยา PEP ภายในระยะเวลาที่กำหนด ยาจะไปยับยั้งกระบวนการที่ไวรัส HIV ใช้ในการเข้าสู่เซลล์และทำสำเนาตัวเองในร่างกาย การใช้ยาต้านไวรัสช่วยลดความเสี่ยงที่เชื้อ HIV จะมีโอกาสเพิ่มจำนวนและแพร่กระจายในร่างกาย ทำให้การติดเชื้อไม่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ใครควรใช้ PEP?
ยาPEP เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV จากสถานการณ์ต่อไปนี้
- การมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ไม่ใช้ถุงยางอนามัย หรือ ถุงยางอนามัยแตก/รั่ว
- ถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยเฉพาะหากผู้ก่อเหตุมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ
- บุคลากรทางการแพทย์ ที่สัมผัสเลือดหรือของเหลวที่อาจมีเชื้อ HIV
- ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้สารเสพติด
- ผู้ที่มีคู่นอนที่ติดเชื้อ HIV และเกิดอุบัติเหตุถุงยางขาดหรือไม่ได้ใช้ PrEP
หากคุณเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์โดยเร็วที่สุด
ผลข้างเคียงของการใช้ยา PEP
แม้ว่า PEP จะมีความปลอดภัยสูง แต่บางคนอาจมีผลข้างเคียง เช่น
- คลื่นไส้ อาเจียน
- เวียนศีรษะ
- อ่อนเพลีย
- ท้องเสีย
- นอนไม่หลับ
โดยปกติอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายในไม่กี่วัน หากมีอาการรุนแรงควรปรึกษาแพทย์ทันที
PEP กับ PrEP ต่างกันอย่างไร ?

หลายคนมักสับสนระหว่าง PEP กับ PrEP ซึ่งเป็นมาตรการป้องกัน HIV ทั้งคู่ แต่มีความแตกต่างกันดังนี้
ปัจจัย | PEP (Post-Exposure Prophylaxis) | PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) |
---|---|---|
จุดประสงค์ | ป้องกันการติดเชื้อ หลัง สัมผัสความเสี่ยง | ป้องกันการติดเชื้อ ก่อน สัมผัสความเสี่ยง |
ช่วงเวลาใช้ | ภายใน 72 ชั่วโมง หลังสัมผัสเชื้อ | ทุกวัน วันละ 1 เม็ด |
ระยะเวลาใช้ยา | 28 วัน | ใช้ต่อเนื่องทุกวัน (สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง) |
กลุ่มเป้าหมาย | ผู้ที่เพิ่งผ่านความเสี่ยงฉุกเฉิน | ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นประจำ |
ดังนั้น PEP เป็นมาตรการฉุกเฉิน ที่ต้องใช้เมื่อมีความเสี่ยงเกิดขึ้นแล้ว ส่วน PrEP เป็นการป้องกันล่วงหน้า สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อเนื่อง
สามารถรับ PEP ได้ที่ไหนบ้าง?
หากต้องการรับยา PEP คุณสามารถติดต่อได้ที่
- โรงพยาบาลรัฐ
- โรงพยาบาลเอกชน
- คลินิกเฉพาะทาง
ซื้อ PEP มาทานเองได้ไหม ?

การรับยา PEP ต้องทำภายใต้คำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้าน HIV/STD เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง และปลอดภัย ซึ่งการซื้อยามาทานเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ถือเป็นเรื่องที่เสี่ยง และอาจไม่ได้ผลดีหรืออาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิด การเข้ารับคำปรึกษาและการติดตามผลจากแพทย์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในการป้องกันการติดเชื้อ HIV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
PEP ราคา
ราคา ในการรับยา PEP (Post-Exposure Prophylaxis) ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สูตรยาที่ได้รับ สถานพยาบาลที่ให้บริการ และการรับยาในรูปแบบต่างๆ โดยทั่วไปแล้ว การรับยาที่โรงพยาบาลรัฐบาลจะมีราคาต่ำกว่า โดยเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV สำหรับการรับยา PEP ที่คลินิกเอกชนหรือโรงพยาบาลเอกชน ค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่า เนื่องจากค่าบริการในสถานพยาบาลเอกชนอาจรวมถึงการให้บริการที่รวดเร็วและมีความสะดวกสบายมากขึ้น เช่น การรอคิวที่น้อยกว่า การให้คำปรึกษาอย่างละเอียด และบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการ
ดังนั้น หากต้องการรับยา PEP ควรสอบถามราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับบริการจากสถานพยาบาลก่อนเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมในการตัดสินใจ
อ้างอิง
- กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2566). แนวทางการใช้ยาต้านไวรัสสำหรับการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังการสัมผัสเชื้อ (PEP)
- องค์การอนามัยโลก (WHO). (2564). แนวทางการใช้ PEP เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังการสัมผัสเชื้อ
- ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย. (2565). PEP คืออะไร? และใครควรใช้ PEP?
อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
PEP ไม่ใช่วิธีป้องกันหลัก และไม่สามารถใช้แทนการป้องกันอื่น ๆ เช่น ถุงยางอนามัย หรือ PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) ซึ่งเป็นการป้องกันล่วงหน้า หากคุณมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วเพื่อรับยา PEP ทันที